Sunday, February 9, 2014

น้ำ ปัจจัยที่ขาดไม่ได้ Kangen Water Thirsty & Dehydrated

ในแต่ละวันคุณดื่มน้ำตอนไหนบ้าง ?
People Franchise

ถ้าคำตอบคือ "ตอนรู้สึกคอแห้ง"
แปลว่าร่างกายคุณอาจกำลังอยู่ในภาวะขาดน้ำ เพราะความรู้สึกคอแห้ง (Thirsty  & Dehydrated) เป็นการส่งสัญญาณเตือนครั้งสุดท้ายว่าร่างกายกำลังขาดน้ำ

แล้วสัญญาณเตือนครั้งแรกคืออะไร ?
ที่ได้รับผลเร็วที่สุดคือ เลือดกับน้ำเหลือง เลือด จะลำเลียงออกซิเจนและพลังงานไปสู่เซลล์ น้ำเหลือง จะนำเซลล์เก่าๆและสารพิษต่างๆ เส้นเลือดและต่อมน้ำเหลืองจึงเหมือน ท่อน้ำในร่างกาย

เลือด ประกอบด้วยเม็ดเลือดแดง 40-50 % พลาสมา 55 % พลาสมาเป็นน้ำ 90 % น้ำเหลือง เป็นของเหลวที่เกิดจากพลาสมา เมื่อร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำ น้ำในเลือดและน้ำเหลืองก็ลดลงด้วย
จึงทำให้เลือดเข้มข้นขึ้น เรียกว่า "เลือดข้น"เลือดจึงหนืด ทำให้หมุนเวียนไม่สะดวก ร่างกายต้องพยายามให้เลือดไหลเวียนไปส่วนสำคัญ ทำให้เกิดอาการผิดปกติ เช่นความดันสูง หัวใจเต้นเร็วขึ้น

ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น เริ่มไม่มีชีวิตชีวา หรือไม่มีน้ำมีนวล

เสียงแหบ ก็เป็นสัญญาณเตือนเพราะเวลาพูดทำให้สูญเสียน้ำไปกับการหายใจและเหงื่อ ปอดและหลอดลมต้องการน้ำหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ ควรดื่มก่อน และหลังสัก 1 ลิตร แม้จะไม่หิวน้ำก็ตาม

ตาแห้ง สมัยนี้เราใช้ คอมพิวเตอร์และมือถือทำงานกันมาก จึงทำให้คนต้องทรมานจากอาการตาแห้งมากขึ้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตาแต่มันเกิดจากการที่ร่างกายขาดน้ำมากกว่า แก้โดยดื่มน้ำ 2-3 แก้วและหลับตาสักครู่ ดีกว่าใช้ยาหยอดตาหลายเท่า แต่ทางที่ดีที่สุดคือดื่มน้ำเป็นระยะๆ เพื่อให้ร่างกายมีน้ำหล่อเลี้ยงทุกส่วนตลอดเวลา

ตะคริว ที่เป็นตะคริวเพราะกล้ามเนื้อยืดหยุนไม่ได้ เนื่องจากปริมาณน้ำในเลือดลดลง ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง เกลือแร่เสียสมดุล

ขณะหลับ  ร่างกายจะไม่ได้รับน้ำ จึงทำให้เกิดภาวะขาดน้ำได้ง่าย แม้เราไม่ควรดื่มน้ำก่อนนอน เพราะอาจทำให้น้ำไหลย้อนมาตามหลอดอาหารได้ แต่ถ้าดื่มก่อนสัก 2 ชม. น้ำส่วนเกินจะถูกขับออกมาทางปัสสาวะ ก่อนที่เราเข้านอน

"อย่ารอจนเรารู้สึกหิวน้ำ ควรดื่มเป็นระยะ ตลอดทั้งวัน"

จากหนังสือ กินอยู่อย่างไรให้อ่อนวัยตลอดกาล ดร. ฮิโรมิ ชินยะ

Kangenthai
Tel : 081 514 5615 (ais)
      : 085 192 6549 (dtac)
FB : https://www.facebook.com/Kangenthai
Line : Kangenthai
Email : kangenthai@gmail.com
Webpage : http://kangenthai.com
                 : http://www.enagic.com

No comments:

Post a Comment