Tuesday, December 11, 2012

เครื่องทำน้ำด่าง คังเก้น

ผลร้ายของการดื่มนม – ความลับด้านหลังดวงจันทร์

โดย    นายแพทย์ บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล


นี่คือการรักษาคนไข้(มะเร็งหลายชนิด) ที่ดื่มนมเป็นประจำ จากการสำรวจของ Dr.Shinya 
นมวัว ได้ลงหลักปักฐานในประเทศไทยในระยะ 20 ปี มานี้ มีการยกย่องนมวัวว่าเป็นอาหารสมบูรณ์แบบ คนไทยได้เพิ่มอัตราการดื่มนม 10 เท่าตัว ควบคู่กับการกินเนื้อสัตว์ล้นเกิน แต่ลดอัตราการกินข้าวและกินผักสดผลไม้
       คนไทยจึงอ้วน 25-30%ไขมันเลือดสูง 50% ของผู้ที่อาศัยอยู่ในเมือง เป็นภูมิแพ้ 12 ล้านคน คนไทยตายด้วยโรคหัวใจหลอดเลือดเป็นอันดับแรก และตายด้วยโรคมะเร็งเป็นอันดับที่สอง
       ทั้งนี้เพราะวิถีการกินที่เปลี่ยนไป เป็นแผนการกินแบบตะวันตก คือเน้นหนักการกินเนื้อ นม ไข่
       เบื้องหน้าปัญหาใหม่ ๆ ถ้าใครที่มีหัวคิดอันเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ต้องถึงกับเป็นแพทย์ก็ได้ แต่สำคัญคือเป็นผู้มีใจสูง ใจกว้าง ไม่ยึดติดเพียงสิ่งที่ถือต่อ ๆ กันมา เขียนมาในตำรา ก็น่าที่จะได้ค้นคว้าเพิ่มเติมว่า มีอะไรที่ผิดพลาดบ้างในวิถีการกินของผู้คนชาวไทย มีอะไรที่ควรแก้ไขในคำสอนบางประการของผู้ทำหน้าที่เกี่ยวกับสุขภาพของประชาชน
      เราน่าจะใช้จิตใจของชาวพุทธ ใช้กาลามสูตรพิเคราะห์ข้อเท็จจริงใหม่ ๆ ดูบ้างหรือไม่ (ปล. กาลามสูตร เราใช้ค้นหากับ คำสอนพระพุทธเจ้าเท่านั้น)
      สรรพสิ่งทั้งหลายย่อมมี 2 ด้าน นมได้รับการเผยแพร่ในด้านดีมาแล้ว โดยเฉพาะในยุคที่คนไทยขาดอาหาร แต่ปัจจุบันเมื่อสังคมแปรเปลี่ยน
      ผลด้านกลับของการดื่มนมก็น่าที่จะหยิบยกกันขึ้นมาพิจารณาในอีกด้านหนึ่งบ้าง

นมก่อให้เกิดภูมิแพ้
          เราคงจำกันได้ว่า เมื่อสมัยที่นมสดเริ่มแจกกันตามโรงเรียนใหม่ ๆ สัก 30 ปีที่แล้ว แจกตอนเช้า บ่ายนั้นห้องส้วมที่โรงเรียนก็แทบจะพัง เพราะอาการท้องเสีย นั่นคือปรากฏการณ์ใกล้ตัวที่สุดแท้จริงแล้วนมก่อให้เกิดมูกเมือกในร่างกายด้วยปฏิกิริยาภูมิแพ้ ทำให้ไซนัสอักเสบและหอบหืด เรื่องนี้ยืนยันในรายงานนับชิ้นไม่ถ้วน เช่น น.พ.ซามี มาห์นา ใน  Advances in Pediatrics, Vol 25, 1978 งานของ เจ.ดับบลิว, เกอราร์ด ใน Canadian Medical Association, Vol 97, Sept 1967 งานของเอ.บี.เมอเรย์ ใน Lancer, Vol I, Mar 1971
ในประเทศไทย ศาสตราจารย์กิตติคุณ เสาวนีย์ จำเดิมเผด็จศึก ก็รายงานการพบการแพ้อาหารของเด็กกลุ่มใหญ่ ปรากฏว่าเกิดจากการแพ้นมวัวเป็นส่วนใหญ่ ปรากฏว่าเกิดจากการแพ้นมวัวเป็นส่วนใหญ่ ตามด้วยไข่และปลา การแพ้พบมากใน 0-3 ขวบ รวมทั้งนักวิจัยชื่อ Bock. SA. ใน Pediatrics 1987, 79:683-8
สาระสำคัญที่ทำให้แพ้คือ เคซีน และ Beta lactoglobulin อาการมีมากน้อยตามแต่ละบุคคล
นมเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อไขมันเลือดสูง โรคหัวใจ 
ประเด็นนี้ตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง ด้วยการที่มีไขมันอิ่มตัว มีคอเลสเตอรอล และไม่มีเส้นใย นมจึงเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคไขมันเลือดสูง โรคความดันเลือดสูง และโรคหัวใจอยู่แล้ว
ลองฟังเรื่องราวต่อไปนี้ คุณสัมพันธ์ป่วยด้วยโรคไขมันเลือดสูง มีความดันเลือดสูง และมีภาวะหัวใจขาดเลือดในบางครั้ง ได้รับยาหัวใจมาตลอด 10 ปี ร่วมกับยาลดไขมัน และยาลดความดันรวม 4-5 ขนาน
คุณสัมพันธ์เล่าว่า “ไขมันผมเคยสูงอยู่เสมอ ๆ หมอให้ผมทานยาลดไขมัน ผมอดอาหารประเภทไขมัน 100%แต่ดื่มนมจืดพร่องมันเนยวันละ 1 กล่อง ครบเดือนทีก็ไปเช็ก ปรากฏว่าไขมันขึ้นอยู่ตลอด”
คุณสัมพันธ์เปลี่ยนอาหารเป็นธรรมชาติ ซึ่งก็คืออาหารพื้นถิ่นแบบไทย ๆ เขาเล่ามาในจดหมายดังนี้ครับ
“ผมกินข้าวกล้อง ซึ่งผลไม้ใส่ตู้เย็นไว้ กาแฟไม่ทาน ผมเลิกกาแฟ-นม-น้ำอัดลม ผลก็ปรากฏว่า น้ำหนักของผมค่อยลดลงได้ถึง 9.5 ก.ก. ในเวลาไม่กี่เดือน ผมงดยาลดไขมัน ทิ้งมันไปอย่างไม่เสียดาย แต่กลับสามารถลดคอเลสเตอรอลลงได้จาก 322 มก% เหลือ 214 มก% แสดงว่านมโกหกเรา” คุณสัมพันธ์ยังสามารถลดยาความดันเหลือนิดเดียว
            กรณีคุณสัมพันธ์เป็นตัวอย่างอันดีของคนไทยจำนวนมากในขณะนี้ที่ดื่มนมด้วยคิดว่าดีมีประโยชน์ แต่ต้องผจญกับผลเสียโดยทั้งตัวเองและแพทย์ผู้รักษาก็คาดคิดไม่ถึง
                โดยเฉพาะคำว่า “นมพร่องไขมัน” มักมีแรงจูงใจให้คนหลงดื่ม
                ปัญหาไขมันในเลือดสูงปัจจุบันแพร่ระบาดในเด็กด้วย งานวิจัยของ น.พ.ดร.ประสงค์ เทียนบุญสำรวจปี 2538 ในกลุ่มที่มีฐานะดี เรียนโรงเรียนเอกชน พบผลดังนี้คือ
เด็กอายุ                  คอเลสเตอรอล > 170 mg%      คอเลสเตอรอล > 200 mg%
<6 ปี                                    25%                                    5%
6-15 ปี                                  70%                              10-20%
            เป็นที่รู้ดีว่าอาหารของเด็กฐานะดีในสังคมเมืองคือ ฟาสต์ฟู๊ดแบบตะวันตก นมและผลิตภัณฑ์นม รวมทั้งอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ
นมเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็ง
น.พ.มิกเกล ฮินด์ฮึด ผู้รับผิดชอบอาวุโสสถาบันวิจัยโภชนาการแห่งชาติเดนมาร์ก เมื่อปี 1917-1918 เดนมาร์กกำลังเผชิญวิกฤตเพราะถูกปิดล้อมในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1
เขาได้โน้มน้าวให้รัฐบาลเดนมาร์กเบนเข็มจากการผลิตนมเนย มาใช้ที่ดินปลูกพืชไร่สนองธัญพืชให้คน เป็นผลให้คนเดนมาร์กยุคสงครามได้กินข้าวบาร์เลย์ ข้าวราย มันฝรั่ง แทนการดื่มนมบริโภคเนย
ปรากฏว่าอัตราการเกิดโรคมะเร็งลดลงฮวบฮาบถึง 34% (JAMA 74:381-82,1920)
ปี 1978 คากาวาตั้งข้อสังเกตว่า ชาวญี่ปุ่นที่โอกินาวามีคนอายุยืนกว่าร้อยจำนวนมาก คนเหล่านั้นกินอาหารพื้นถิ่น   ข้าวกล้อง ผัก เต้าหู้ ปลา สาหร่าย แต่ไม่ดื่มนมเลย
เขาศึกษาพบว่า ช่วงเวลา 25 ปี หลังญี่ปุ่นแพ้สงคราม คือ 1950-1975 ชาวญี่ปุ่นดื่มนมเพิ่มขึ้น 15 เท่า กินเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้น 7.5 เท่า ลดการกินข้าวลง 70%
ผลก็คือ หญิงชาวญี่ปุ่นป่วยเป็นมะเร็งปอด เต้านม และลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 3 เท่าตัว (Preventive Medicine, 7:205-17)
        ที่สหรัฐ ดร.แคเธอรีน โวเดกี ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ สหรัฐอเมริกา ชี้ไว้ในปี 1992 ว่า “หลักฐานศึกษามากมายยืนยันว่า การกินอาหารไขมันสูงสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งเต้านม
         และแหล่งใหญ่ของกรดไขมันอิ่มตัวในอาหารอเมริกัน ก็คือผลิตภัณฑ์นมและเนื้อสัตว์ (Eat for life, Academy press: 1992)
         หลังสุด การประชุมวิชาการโดยกองทุนวิจัยมะเร็งโลก (WCRF) และสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งชาติสหรัฐ (AICR) 1997 สรุปว่า สิ่งที่เพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งโดยรวมได้แก่ แอลกอฮอล์ เกลือ อาหารเค็ม เนื้อแดง ไข่ อาหารปิ้ง ย่าง เผา อาหารไขมันจากสัตว์ คอเลสเตอรอล นมและผลิตภัณฑ์นม น้ำตาล กาแฟ สารเจือปน อาหาร บุหรี่ โรคอ้วน ฯลฯ
        มีนักวิชาการบางคนบอกว่า ข้อสรุปของการประชุมครั้งนั้น “เป็นเพียงอาจเป็นไปได้เท่านั้น” จากนั้นก็เริ่มหาเหตุผลแวดล้อมต่าง ๆ อีกมากเพื่อยืนยันความเชื่อในทฤษฎีของตน ที่ว่าประชาชนจะต้องดื่มนมต่อไป
        ถึงตรงนี้จะเห็นได้ว่า นมวัวนอกจากเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งของร่างกายแล้ว ปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นก็คือการติดยึดในความดีด้านเดียวของนมยังก่อให้เกิดมะเร็งความคิดในหมู่ผู้คนอีกด้วย
       แต่ปัจจุบันประชาชนมีการศึกษาแล้ว ขอแต่ให้มีข้อมูลอันทั่วด้านกว่าที่เคยเป็นอยู่ ผู้บริโภคย่อมใช้วิจารณญาณเองได้
ข้อดีและข้อเสียของการดื่มนมhttp://guru.google.co.th/guru/thread?tid=7490854590698347โทษของการกินนมมีหรือไม่
http://th.answers.yahoo.com/question/index?qid=20081118082948AAyfIyw

ขอบคุณบทความจาก http://www.insideherb.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539188928

Kangenthai People Franchising
Tel : 081 514 5615 (ais)
      : 085 192 6549 (dtac)
FB : https://www.facebook.com/Kangenthai
Line : Kangenthai
Email : kangenthai@gmail.com
Webpage : http://kangenthai.com
                 : http://www.enagic.com

Sunday, December 9, 2012

Staying Hydrated สภาวะการขาดน้ำ เครื่องทำน้ำด่าง


Staying Hydrated : How Much Should You Drink?
สภาวะการขาดน้ำ : เราควรดื่มน้ำวันละเท่าไหร่ ?

ได้พบเห็นคนสูงอายุจำนวนหนึ่ง
ที่มาพบแพทย์ด้วยอาการ ท้องผูก, เสียการทรงตัว  หกล้ม  ทางเดินปัสสาวะอักเสบ..และอื่นๆ
ซึ่ง ถ้าจะว่าไปแล้ว  มีสาเหตุเยอะแยะที่สามารถทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้
สาเหตุที่สำคัญที่สุด  คือ การขาดน้ำ  โดยเฉพาะคนสูงอายุ
ซึ่งลูกหลาน  ของคนสูงอายุบางคน  ไม่ค่อยจะให้ความใส่ใจเท่าที่ควร
จึงเป็นเหตุให้เกิดอาการต่างๆ ดังกล่าวขึ้นได้

Kangenthai อ้วน มะเร็ง

มนุษย์เราทุกคนต้องการน้ำ  เพื่อให้ร่างกายของเราสามารถทำงานได้ตามปกติ
แต่พอมนุษย์เรา  แก่ตัวขึ้นเท่านั้นแหละ...การตอบสนองต่อความหิวกระหายน้ำจะลดลงไป
หรือ หายไป  ทำให้คนสูงอายุ  ไม่รู้สึกกระหายน้ำ  แม้ว่าเขาจะขาดน้ำอย่างมากก็ตาม
แต่ คนสูงอายุเหล่านั้น  จะรู้สึกอย่างอื่นแทน  เช่น  รู้สึกวิงเวียน  เหนื่อย และอ่อนเพลีย...และอื่นๆ แทน

เมื่อร่างกายขาดน้ำ  จะทำให้คนสูงอายุ   มีอาการ ท้องผูก, มีปัญหาเรื่องการทรงตัว และ หกล้มได้ง่าย,
ทำให้เกิดการอักสบของทางเดินปัสสาวะ, ไตวาย, บาดแผลหายช้า  เกิดแผล  และมีปัญหาด้าน กระดูก และกล้ามเนื้อชนิดต่างๆ

คำถามมีว่า  เราจะต้องดื่มน้ำเท่าไหร่จึงจะพอ ?
มันตรงกับที่พวกเราเคยเชื่อกัน   ไม่พบวามีการวิจัยเรื่อง   "เราควรต้องดื่มน้ำมากแค่ไหน"
อย่างไรก็ตาม  ผู้เชี่ยวชาญหลายนาย  แนะนำว่า  ผู้ใหญ่ที่สูงสุขภาพดี  ควรดื่มน้ำน้ำ 8 แก้ว ต่อวัน
เพื่อรักษาสภาพความเป็นน้ำของร่างกาย  ให้เป็นปกติ
สภาพของร่างกายที่มีน้ำในระดับปกติ  สามารถมาได้จากหลายทาง
เช่น  จากผลไม้, ผัก, นมที่ปราศจากไขมัน, และอื่น ๆ

ผลไม้บางชนิด  เช่น แตงโม  องุ่น  เบอร์รี่  หัวมัน  จะมีน้ำเกือบ 100 %
สำหรับอาหารที่คนเรารับทานเข้าไป  จะมีน้ำประมาณ 20 %

ในกรณีที่ท่านเป็นโรคไต, โรคเบาหวาน, โรคตอมไทรอยด์
ท่านอาจจำเป็นต้องได้น้ำ  เพราะภาวะขาดน้ำในโรคดังกล่าว
สามารถทำให้ท่านต้องขับน้ำออกจากร่างกายเพิ่มขึ้น

ท่านอาจมีแนวโน้มที่จะขาดน้ำจากการรับทานยาบางอย่าง
เช่น  ยาลดความดันโลหิต- diuretics, angiotensin-converting
enzyme inhibitors และ  Antipsychotic drugs และ cholinesterase inhibitors
ที่แพทย์ใช้รักษาโรค “อัลไซเมอร์”

มี หลายกรณี   ที่จำเป็นต้องได้รับน้ำเพิ่มจากปกติ  เช่น
.  ขณะออกกำลังกาย  หนึ่งชั่วโมงของการออกกำลังกายพอประมาณ  ควรดื่มน้ำเพิ่ม 2 – 3แก้ว  เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไปทางเหงื่อ
.  ถ้าอาการร้อน  ตามธรรมชาติ  ร่างกายจะเสียน้ำเพิ่มขึ้น  ซึ่งควรได้รบน้ำชดเชยเพิ่มขึ้น
.  ถ้าท่านท้องผูก  ควรเพิ่มการดื่มน้ำให้มากขึ้น  เพื่อทำให้มีน้ำในลำไส้ใหญ่เพิ่มขึ้น  ช่วยทำให้ลำไส้ขับถ่ายของเสียได้ง่ายขึ้น
.  ถ้าท่านมีแนวโน้มที่จะเกิดเป็นโรคนิ่ว หรือ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ   น้ำสามารถ ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดนิ่ว  และช่วยชะล้างของเสียได้ดีข้น
.  ถ้าท่านไม่สบาย  มีไข้สูง  อาเจียน  ท้องร่วง  สามารถทำให้ท่านขาดน้ำ  และสามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้

อาการเตือนจากการขาดน้ำ
ถ้าท่านสังเกตพบว่า  ท่านปัสสาวะน้อยกว่าปกติ  หรือ ไม่รู้สึกว่า “กระหายน้ำ” เท่าที่ควร ท่านควรตรวจสีของปัสสาวะดู
ถ้าท่านไม่ขาดน้ำ  สีของปัสสาวะขอท่านควรเป็นฟางข้าว
ถ้าสีปัสสาวะเข็ม  เป็นอาการแสดงที่บ่งบอกว่า  ท่านต้องดื่มน้ำเพิ่มให้มาก
อาการอย่างอื่นๆ เช่น  ปากแห้ง  ไม่มีน้ำลาย  วิงเวียน  ตาโบ๋  ชีพจรเต้นเร็ว และ
ลองดึงหนังของท่านยกขึ้นดู...มันจะตั้งได้ นั้นแหละ...ภาวะขาดน้ำ  ซึ่งท่านต้องดื่มน้ำให้มาก  เพื่อชดเชยน้ำที่ขาดไปแล้วผลดีต่างๆ จะกลับมาเหมือนเดิม
Kangenthai อ้วน มะเร็ง
วิธีคำนวณง่ายๆคือ น้ำหนักตัว X 33 = จำนวน cc น้ำที่ต้องดื่ม
ขอขอบคุณบทความของท่าน นพ. มานิตย์ วัชรชัยนันท์ http://vatchainan2.blogspot.com/2012/05/staying-hydrated-how-much-should-you.html

Kangenthai People Franchising
Tel : 081 514 5615 (ais)
      : 085 192 6549 (dtac)
FB : https://www.facebook.com/Kangenthai
Line : Kangenthai
Email : kangenthai@gmail.com
Webpage : http://kangenthai.com
                 : http://www.enagic.com